ยลรดี คุ้มกนกกานต์ (นาเดียร์)

แนะนำตัวเอง

หนูชื่อนางสาว ยลรดี คุ้มกนกกานต์ ชื่อเล่น ชื่อนาเดียค่ะ อายุ 19 ปี เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะดนตรี เอแบค จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา มาจาก The American School of Bangkok ส่วนตัวนิสัยหนูเป็นร่าเริง สนุกสนาน ชอบทำกิจกรรมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไรก็ตาม หนูก็ชอบที่จะเข้าร่วมหมด หนูเป็นคนชอบร้องเพลงมากๆค่ะ สามารถร้องได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้แต่ตอนอาบน้ำ หนูก็ยังคงร้องเพลง

 

ทำไมถึงมาเรียนที่คณะดนตรี เอแบค

เนื่องจากว่ามีความสนใจในการร้องเพลง ประจวบเหมาะกับทางคณะดนตรีของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้มีการจัดกิจกรรม Music Camp ครั้งที่ 3 จึงได้มีความสนใจและเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้มีการคัดเลือกให้ทุนการศึกษากับผู้เข้าร่วมกิจกรรมของคณะ และหนูได้รับการคัดเลือกให้ได้รับทุนการศึกษาและด้วยความที่สนใจในมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญและคณะดนตรีของที่นี่อยู่แล้ว จึงได้ตัดสินใจเข้าเรียนที่นี่ค่ะ

 

วิชาไหนที่ชอบเรียนมากที่สุด (ในคณะและนอกคณะ)

วิชาที่ชอบเรียนมากที่สุดในคณะ หนูชอบเรียนวิชา Private class ร้องเพลงค่ะ เพราะหนูเป็นคนชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก คุณแม่ชอบเล่าให้ฟังว่า ตอนเด็กๆหนูชอบร้องเพลงบนรถ เปิดเพลงไหนก้ร้องตามได้ทุกเพลง คุณแม่เลยถามว่าหนูอยากไปเรียนร้องเพลงมั้ย หนูเลยบอกอยากไป คุณแม่เลยพาไปสมัครเรียนร้องเพลงตอน 6 ขวบ เลยทำให้หนูชอบเรียนร้องเพลงมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนวิชาที่ชอบเรียนมากที่สุดนอกคณะ หนูชอบเรียนวิชา Eng เพราะก่อนที่หนูจะมาเข้าเรียนที่

มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หนูเรียนนานาชาติ ที่ The American School of Bangkok (ASB) ทำให้หนูมีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดี จึงชอบเรียนวิชาภาษาอังกฤษค่ะ

 

แนวเพลงดนตรีที่ชื่นชอบ

ส่วนตัวหนูชอบแนว Pop และ R&B ค่ะ ด้วยความที่หนูชอบการร้องเพลงและใช้ความสามารถในการร้องเพลงเป็นหลัก เพลงสองประเภทนี้จะใช้วิธีการร้องไม่เหมือนแนวอื่น อย่างเพลง Pop จะมีวิธีการร้องที่ง่ายกว่า R&B เพราะเพลงแนวนี้จะเป็นเพลงที่มีทำนอง จังหวะ ดนตรีที่ง่าย และทุกคนสามารถร้องตามกันได้แบบง่ายๆ ส่วน R&B นั้นจะเป็นเพลงประเภทที่มีลูกเล่นต่างออกไปก็คือ จะมีเนื้อร้องหรือทำนองที่พิเศษ อาจจะแนวโรแมนติก เพลงรัก ซึ้งกินใจ และดนตรีกับการร้องจะมีความยากกว่าเพลง Pop ทั่วไปค่ะ เพราะจะต้องเข้าถึงอารมณ์เพลงมากกว่าปกติ เพื่อที่จะให้คนฟังได้เข้าใจและรับรู้ว่าเราจะสื่อถึงอะไร

 

สังคมนอกคณะและในคณะแตกต่างกันมั้ย

สังคมนอกคณะและสังคมในคณะแตกต่างกันค่ะ จริงๆแล้วความรู้สึกของหนู การเรียนนอกคณะ ก็เหมือนกับการได้เจอผู้คนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ และอาจารย์หลายๆคน แต่ละคณะ การได้ไปเรียนวิชานอกคณะก็ดีเหมือนกันค่ะ ทำให้ได้สายสัมพันธ์กับเพื่อนนอกคณะมากยิ่งขึ้น และได้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ส่วนสังคมในคณะนั้นเหมือนครอบครัว เหมือนบ้านหลังที่ 2 เพราะมีทั้งอาจารย์และพี่ๆน้องๆ ที่คอยให้คำปรึกษาเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน หรือเรื่องการใช้ชีวิต

 

ประทับใจอะไรในเอแบคมากที่สุด

สำหรับหนูนั้น เอแบคเป็นสถานที่ที่น่าเรียนมากค่ะ สถาปัตยกรรมของมหาวิทยาลัยสวยงาม และหลักสูตรที่นี่ก็มีความน่าสนใจในการศึกษา เช่น คณะดนตรีที่หนูศึกษาอยู่นั้น คณะนี้ไม่ได้สอนแค่การปฏิบัติดนตรี หรือเนื้อหาทฤษฎีเกี่ยวกับดนตรีเพลงอย่างเดียว แต่ยังสอนเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจทางด้านดนตรี รวมไปถึงกฎหมายหรือเรื่องต่างๆที่ควรจะรู้เกี่ยวกับสังคมธุรกิจ ทำให้เราไม่ได้มีทางเลือกแค่การทำงานสายดนตรีอย่างเดียว แต่จบการศึกษาจากที่นี่เราสามารถไปทำอย่างอื่นได้มากมายค่ะ

 

จบจากคณะดนตรี เอแบคแล้ว มีความใฝ่ฝันที่จะทำอะไรต่อ

ความใฝ่ฝันของหนูหลังจากจบจากคณะดนตรีเอแบค คือการเป็นนักร้องอาชีพ เป็นศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ทุกคนได้รับชมและรับฟัง รวมถึงเรื่องการเป็นครูสอนร้องเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่หนูถนัดและอยากถ่ายทอดความรู้ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคในการร้อง หรือทฤษฎีดนตรีต่างๆ เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้ทำตามความฝันที่จะเป็นนักร้อง และประสบความสำเร็จในชีวิต หรือเพื่อให้มีวิชาติดตัวเพื่อเป็นครูสอนรุ่นใหม่ๆที่จะสอนเด็กๆรุ่นต่อไป